เป็นเรื่องราวเตือนภัย เกี่ยวกับบัตรเครดิต ที่ผู้เสียหายรายหนึ่ง ถูกนำบัตรเครดิตไปรูด จนเสียหายเกือบแสน ซึ่งพบว่า ก่อนหน้านี้มีเหยื่อที่โดนขโมยรูดบัตรลักษณะคล้ายๆ กันอีกด้วย
โดยเพจ drama-addict ได้นำโพสต์ดังกล่าวมาเตือนภัย ระบุว่า “จ่าคะสวัสดีค่ะขออนุญาตแจ้งเตือนภัย วันนี้ 4 มกราคม 2568 เราไปใช้บริการออนเซ็นชื่อดังเจ้าหนึ่งย่าน*****
เข้าใช้งาน 15.00-17.15 ตรงบริเวณล็อคเกอร์ชั้นผญไม่น่ามีกล้องวงจรปิดเพราะคนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นกันเลยเป็นล็อคเกอร์ดิจิตอลค่ะปลดล็อคด้วยสายข้อมือที่มีเลขล็อคเกอร์ของใครของมันตัวล็อคแน่นหนาดีเช็คทุกครั้งว่าปิดสนิท
จากนั้นเราออกจากออนเซ็นไปทานข้าววันเกิดกับเพื่อนๆแถวนางลิ้นจี่ มียอดรูดบัตรเข้ามา 3 ยอด (49,000 + 29,000 + 7,900) ช่วง 18.43-18.45 ยอดรวมเกือบแสน 85,900 บาท คือเต็มวงเงินที่เหลือของเราเลย ต่อให้รู้ตัวตอนนั้นก็น่าจะล็อคบัตรในแอพไม่ทัน
เช็คแล้วว่ามี noti แจ้งเข้ามาทางแอพไลน์ ว่ามีการรูดใช้งานที่ ME TER NONTHABURI TH ทั้ง 3 ยอด แต่เราไม่ได้แตะโทรศัพท์ช่วงนั้นเลยรู้ตัวค่อนข้างช้า
เรามารู้ตัวจริงๆ ตอนรูดซิปเปิดกระเป๋าตังค์ตอน 21.00 ว่าบัตรเครดิต กสิกร 1 และ บัตรเดบิต กสิกร 1 หายไป แต่บัตรเครดิตธนาคารอื่นอีก2 ใบยังอยู่ เพราะเก็บไว้ช่องอื่นๆน่าจะมองไม่เห็น
รีบโทรแจ้งอายัดบัตรกับทางกสิกรเรียบร้อย ทางธนาคารแจ้งว่าจะ hold ยอดไว้ให้ แต่ต้องมีใบแจ้งความเพื่อทำเรื่องทักท้วงยอด (ทำข้ามเขตไม่ได้ เราไป สน.แถวบ้าน เค้าแจ้งให้ไปที่ สน.ยานนาวาแทนค่ะ) เพราะคุณตำรวจบอกว่าเป็นคดีลักทรัพย์ค่ะ
รบกวนคุณจ่าช่วยเตือนภัยคนอื่นๆหน่อยนะคะ เพราะเพื่อนคนรู้จักเจอเหตุการณ์เดียวกันที่ ออนเซ็น ย่าน****** ไม่นานมานี้ และมีที่มีคนออกมาเตือนภัยในทวิตตอนสิ้นปีค่ะ
ในล็อคเกอร์ เราเก็บมือถือ iphone15 กระเป๋าแบรนด์เนม และเงินในกระเป๋าตังค์ ทั้งหมดอยู่ครบ ไม่มีอะไรหายนอกจากบัตรเครดิต 1 และบัตรเดบิต 1 ค่ะ (บัตรเดบิตไม่มีการรูดใช้งาน) มั่นใจว่าไม่ได้ทำหายเองเพราะไม่ได้หยิบมาใช้งานเลย และกระเป๋ามีช่อง+ซิปปิดสนิทค่ะ
คิดว่าถ้าขโมยอย่างอื่นด้วย เราน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ค่ะ ออนเซ็นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้งานค่อนข้างเยอะ ทั้งเอเชีย ยุโรป ไม่แน่ใจว่ามีโดนกันไปบ้างมั้ยค่ะ”
อย่างไรก็ตามพบว่าก่อนหน้า บนโลกออนไลน์มีการแชร์เคสคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปใช้งานออนเซ็นย่านทองหล่อ เก็บของไว้ในล็อกเกอร์ และพบว่า หลังจากนั้นมียอดการใช้งานบัตรสามแสนกว่าบาท ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์เตือนภัยที่ทำให้ต้องหาวิธีเฝ้าระวังอย่างดี