แชร์ :

สภาผู้บริโภคจี้ OPPO-Realme ลบแอปฯเงินกู้เถื่อน แนะผู้เสียหายจ่ายแค่เงินต้น พบ5ปีรายได้เกือบแสนล้าน

สภาผู้บริโภคจี้ OPPO-Realme ลบแอปฯเงินกู้เถื่อน แนะผู้เสียหายจ่ายแค่เงินต้น ตั้งคำถามมีเอี่ยวหรือไม่ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบเปิดตลาดในไทย 5 ปี รายได้เกือบแสนล้าน

จากกรณีที่สำนักงานสภาผู้บริโภคได้แถลงเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟน OPPO และ Realme ชี้แจงกรณีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น Fineasy และ สินเชื่อความสุข ที่เป็นแอปฯกู้เงินนอกระบบ โดยเร่งแก้ปัญหาผู้บริโภคใน 3 วัน พร้อมเรียกร้อง 5 หน่วยงานรัฐสอบข้อเท็จจริง ตามี่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 13 ม.ค.2568 นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ตามที่สภาผู้บริโภคฯ เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่า ใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าว

เนื่องจากพบข้อมูลจากผู้บริโภคที่ร้องเรียนเข้ามาที่สภาผู้บริโภคว่า มีการปล่อยกู้เงินโดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และมีการติดตามทวงถามหนี้โหดที่ผิดกฎหมาย และยังพบว่า ผู้บริโภคจำนวนมากไม่สามารถถอนการติดตั้งแอปเหล่านี้ได้เอง เนื่องจากติดตั้งมาในระบบ (System App) ส่งผลให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และอาจนำไปสู่การถูกคุกคามทางการเงิน

นายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการ หรืออัปเดตแอปเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้ พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่า การปลดล็อกแอปฯทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อราย เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่ศูนย์บริการ

“แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่า จะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปกู้เงินเถื่อนหรือไม่ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรแสดงความโปร่งใสด้วยการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน”

นายอิฐบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อของแอปฯกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” หรือเป็นหนี้จากแอปฯเหล่านี้ แนะนำให้ชำระเฉพาะเงินต้นเท่านั้น หากถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

หรือพบว่า มีพฤติกรรมทวงหนี้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การทวงถามหนี้ สามารถแจ้งร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภคเพื่อขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือทางกฎหมายได้ โดยติดต่อสายด่วน 1502 หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ tcc.or.th

นอกจากนั้น สภาผู้บริโภคฯ ยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่จะมีการประชุมร่วมกันในช่วงบ่ายวันนี้ เร่งกำหนดมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค และดำเนินการตรวจสอบบริษัท OPPO – Realme และลงโทษตามกฎหมาย รวมถึงผู้พัฒนาแอปฯ

“โดยเฉพาะ กสทช. ควรมีบทบาทที่ชัดเจนในการเข้ามากำกับดูแลซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคในลักษณะเดียวกับกรณีซิมบ็อกซ์ (Sim Box) เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ที่สร้างความเสียหายให้ผู้บริโภค ไม่ใช่กำกับดูแลเพียงแค่เรื่องสุขอนามัยด้านการใช้บริการโทรคมนาคมเท่านั้น

เพราะตามอำนาจหน้าที่ในประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลสิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม พ.ศ.2566 กำหนดชัดเจนว่าผู้รับใบอนุญาตต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลและความปลอดภัยของผู้บริโภค”

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสภาผู้บริโภคจะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อไป หากยังไม่ได้รับการตอบสนองจากบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เชิญทั้ง 2 บริษัท คือบริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ OPPO และบริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ realme

โดยตัวแทนจากบริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป กล่าวยอมรับว่า Fineasy ไม่ได้ขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ และเป็นการติดตั้งมาจากโรงงาน ขณะที่ตัวแทนจากบริษัท โปรทา กล่าวยอมรับไปในทิศทางเดียวกับ โพสเซฟี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้ง OPPO และ realme เป็นเจ้าของเดียวกันและมาจากโรงงานเดียวกัน

สำหรับรายได้ 5 ปี ของทั้ง 2 บริษัท จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ บริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ OPPO ทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท จดทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 5 มี.ค.2552

ปี 2562 รายได้ 18,583,286,794 บาท กำไร 167,924,094 บาท
ปี 2563 รายได้ 16,601,468,742 บาท กำไร 192,419,222 บาท
ปี 2564 รายได้ 19,113,195,721 บาท กำไร 165,902,794 บาท
ปี 2565 รายได้ 18,369,397,362 บาท กำไร 125,951,136 บาท
ปี 2566 รายได้ 15,009,781,879 บาท กำไร 88,896,009 บาท

บริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ realme ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท จดทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 16 ส.ค.2562

ปี 2562 ยังไม่มีรายได้ ขาดทุน 221,220 บาท
ปี 2563 รายได้ 9,681 บาท ขาดทุน 1,182,744.03 บาท
ปี 2564 รายได้ 15.91 บาท ขาดทุน 5,082,964 บาท
ปี 2565 รายได้ 1,854,981,773 บาท ขาดทุน 50,983,883 บาท
ปี 2566 รายได้ 4,751,711,132 บาท ขาดทุน 717,077,784 บาท

ส่วนแอปพลิเคชั่นสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก “แบงก์ชาติ “อย่างถูกต้อง มีแค่ 10 รายเท่านั้น (ให้บริการจริงแค่ 6 ราย) ตรวจสอบได้จากหน้าเว็บไซต์ ธปท. ประกอบด้วย

บริษัท ซีมันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด
บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด
บริษัท จีฟิน เซอร์วิสเซส (ที) จำกัด – ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) – ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ
บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด – ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ
บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท แรบบิท แคช จำกัด – ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ

Tag :
Scroll to Top