ร้อยเวรยัน ไม่เคยพูดให้ไปฟ้องศาลโลก หลังหนุ่มโดนคนญี่ปุ่นขับรถชน เผยผู้ก่อเหตุเป็นฝ่ายติดตั้งแต่แรกแล้ว ยันให้ความเป็นธรรม ด้านแม่ลั่นได้ยินตำรวจพูดชัดเจน ปลื้มหญิงญี่ปุ่นติดต่อมาช่วยเหลือ
จากกรณี นางศิริลักษ์ณ์ อันทะรินทร์ อายุ 60 ปี พา นายอติรุตต์ อันทะรินทร์ อายุ 25 ปี ลูกชาย เข้าร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง หลังเมื่อวันที่ 23 พ.ค.67 ถูก นายคูโบตะ มิโนรุ ชาวญี่ปุ่น ขับรถยนต์ชนขณะ นายอติรุตต์ ขี่รถจยย.มาบนถนน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท ตรงจุดกลับรถหน้าตลาดผลไม้ตะพง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นต้องลาออกจากงาน พอถามตำรวจเจ้าของคดี ก็ไม่มีความคืบหน้า แถมยังต่อว่า และ ชาวญี่ปุ่นที่ขับชนก็กลับประเทศไปแล้ว และยังบอกให้ไปฟ้องศาลโลก อ่านข่าว หมดที่พึ่ง แม่พาลูกร้อง หนุ่มยุ่นขับรถชนพิการ หนีกลับประเทศ คดีไม่คืบ ตร.ไล่ไปฟ้องศาลโลก
ล่าสุดวันที่ 14 ม.ค.68 พ.ต.ท.ชัยกฤต เตารัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้มีตัวแทนของ นายคูโบตะ ประสานเรื่องคดีอยู่ โดย นายคูโบตะ ได้เดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นไปแล้วเพื่อรักษาโรคประจำตัว และรับปากว่าจะเดินทางกลับมาพบภายในเดือน ก.พ.68 ก็จะมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วนที่ทางญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บอ้างว่า ตนพูดว่า “ให้ไปฟ้องศาลโลก” ขอปฏิเสธ และขอให้ทางครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บมั่นใจในขบวนการยุติธรรม ผิดถูกก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน และที่สำคัญได้ลงบันทึกประจำวันว่า นายคูโบตะ เป็นฝ่ายผิดมาแต่แรก
ด้าน นางศิริลักษณ์ แม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ได้มีผู้หญิงสัญชาติญี่ปุ่นชื่อ Miss Rui nakamuru ได้ติดต่อผ่าน “ข่าวสดอิงลิช” หลังได้อ่านข่าวแล้วเห็นใจ และที่สำคัญเดินทางมาประเทศไทยบ่อยครั้ง จึงอยากช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีของ นายอติรุตต์ จำนวนหนึ่ง
ตนและลูกชาย ต้องขอขอบคุณในน้ำใจ โดยจะนำเงินไปใช้ซื้อแพมเพอร์ส ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุกวัน ส่วนเรื่องที่ตำรวจบอกไม่ได้พูดคำว่า ให้ไปฟ้องศาลโลก ทางตนและญาติอีก 2 คน ยังคงยืนยันว่า ได้ยินเหมือนกันถึง 6 รูหู แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ให้จบไป ขอเพียงความเป็นธรรมให้กับลูกชาย นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนักที่ช่วยนำเสนอข่าว
